ในบทความนี้ท่านจะได้รู้ว่า CCA คืออะไร
มีความสำคัญอย่างไร
ทำไมเราจึงต้องรู้จักคำๆนี้ในแบตเตอรี่ด้วย
ค่า cca ในแบตเตอรี่
CCA ย่อมาจาก Cold Cranking Amp
ซึ่งหมายถึงความสามารถในการจ่ายกระแสเพื่อสตาร์ทเครื่องยนต์ในสภาวะอากาศหนาวหรือความสามารถในการทนทานที่ถูกกระชากไฟในการสตาร์ทต่อครั้ง ซึ่งค่า CCA ยิ่งสูง ยิ่งดี
CCA ต่ำสุดที่พอจะสตาร์ทรถยนต์
ขนาด cc เครื่องยนต์ |
cca ของแบตเตอรี่ ที่พอสตาร์ท |
ขนาด cc เครื่องยนต์ |
cca ของแบตเตอรี่ ที่พอสตาร์ท |
1000 |
130 |
2000 |
260 |
1200 |
156 |
2200 |
286 |
1300 |
169 |
2500 |
325 |
1500 |
195 |
2700 |
351 |
1600 |
208 |
2800 |
364 |
1800 |
234 |
3000 |
390 |
เอา cc เครื่องยนต์ x 0.13 = cca ของแบตเตอรี่ที่ใช้สตาร์ทรถได้
การวัดแบตเตอรี่ ค่า CCA คืออะไร
CCA ย่อมาจาก (Cold Cranking Amp) ยิ่งค่า CCA สูงเท่าไหร่ก็แสดงว่ามีกำลังสำหรับสตาร์ทแรงเท่านั้น อุณหภูมิที่ใช้เป็นตัวกำหนดมาตรฐานการวัดค่า CCA นั้นแตกต่างกันไปตามแต่มาตรฐาน เช่น ตามมาตรฐานของ IEC คือ -18องศาเซลเซียส เป็นต้นค่า CCA นี้มีความจำเป็นต่อทวีปยุโรปเพราะในสภาพอากาศหนาว จะทำให้ CCA น้อยลง
การวัดค่า CCA นั้นมีการกำหนดมาจากหลายมาตรฐาน
ตัวอย่างเช่น แบตเตอรี่ 1 ลูก ถ้าวัดตามมาตรฐาน SAE ได้ค่า CCA ที่ 450, วัดตาม EN จะได้ 420, วัดตาม IEC จะได้ค่า 290 และวัดตาม DIN จะได้แค่ 255 ดังนั้น ค่าที่แปะไว้บนแบตเตอรี่เป็นมาตรฐานอะไร?ค่า CCA=450 มีหลายมาตรฐาน อยู่ที่เราเลือกวัด > มาตรฐาน SAE ค่า CCA จะอยู่ที่ 450 (ส่วนใหญ่บ้านเราใช้มาตรฐานนี้) > มาตรฐาน EN ค่า CCA จะอยู่ที่ 420 > มาตรฐาน IEC ค่า CCA จะอยู่ที่ 290 > มาตรฐาน DIN ค่า CCA จะอยู่ที่ 255การเลือกวัดมาตรฐานไหนขึ้นอยู่กับความนิยมและโซนที่อยู่แต่ละที่แล้วแต่ความเหมาะสมสิ่งหนึ่งที่ต้องพิจารณาในการวัดค่า CCAก็คือค่าที่วัดได้นี้จะลดน้อยถอยลงตามสภาพแบตเตอรี่ และสถานะของแบตเตอรี่ เช่น แบตเตอรี่ที่ไฟอ่อนหรือไฟหมด ค่า CCA ที่วัดได้จะน้อยลงแต่เมื่อชาร์จไฟเต็มแล้วค่าที่วัดได้จะมากขึ้น ดังนั้นค่า CCA อย่างเดียวจึงไม่อาจระบุได้ว่าแบตเตอรี่เสียหรือไม่การวัดค่าต่างๆ ในตัวแบตเตอรี่ มีหลายค่าที่ต้องวัดเพื่อทราบถึงประสิทธิภาพของการทำงานของแบตเตอรี่ นอกเหนือจากการวัดค่าแรงดันไฟ Volatage no-load แล้วค่าอื่นๆ ก็มีความสำคัญเช่นกัน แต่ถ้าจะมาจำเพาะเจาะจงถึงเรื่องกำลังไฟสำหรับการติดหรือการสตาร์ทเครื่องยนต์ สิ่งที่สามารถบอกถึงประสิทธิภาพในเรื่องนี้คือการวัดค่า CCA (Cool Cranking Ampere)ค่า CCA ( Cool Cranking Ampere )คือ ค่าที่บอกจำนวนกระแสไฟฟ้า ที่แบตเตอรี่ลูกนั้นๆ สามารถส่งออกมาในระยะเวลา 30วินาที (ที่อุณหภูมิ 0 องศาฟาเรนไฮต์ ประมาณ -18 องศาเซลเซียส) จนกว่าแรงดันไฟของแบตเตอรี่จะตกลงไปที่ 1.2 โวลต์ ต่อเซล หรือต่ำกว่า7.2โวลต์ ในกรณีสำหรับแบตเตอรี่ 12โวลต์ ด้วยเหตุนี้ แบตเตอรี่ 12โวลต์ที่มีค่า CCA 600 บอกเราคือแบตเตอรี่จะปล่อยกระแสไฟ 600แอมป์ เป็นเวลา30 วินาที ที่อุณหภูมิ 0 องศาฟาเรนไฮต์ จนกว่าแรงดันไฟของแบตเตอรี่จะตกลงไปที่ 1.2โวลต์ต่อเซล หรือ 7.2โวลต์ต่อลูกเมื่อค่าที่วัดได้ เปรียบเทียบกับค่าที่ระบุจากแบตเตอรี่ และจากผู้ผลิตรถยนต์ ไม่ตรงกัน อาจก่อปัญหาได้ เช่นถ้าค่าที่วัดได้ต่ำกว่าที่ผู้ผลิตรถยนต์กำหนดให้ใช้ อาจทำให้แบตเตอรี่ไม่มีกำลังพอที่จะสตาร์ทเครื่องยนต์ได้ ซึ่งเหตุการณ์เกิดได้บ่อยกับรถยนต์ที่ใช้แบตเตอรี่เป็นเวลานานและไม่มีการตรวจเช็คอย่างถูกต้อง ทำให้ต้องขอพ่วงไฟเพื่อสตาร์ทเครื่องยนต์จากรถยนต์คันอื่นๆการตรวจเช็ครถยนต์ครั้งต่อไป อย่าลืมให้ช่างเช็คค่า CCA ของแบตเตอรี่ด้วย เครื่องทดสอบแบตเตอรี่ MICRO-200CCA (Cool Cranking Ampere) ค่านี้สำคัญอย่างไรค่านี้เป็นค่าที่บอกถึงกำลังไฟสำหรับการติดหรือการสตาร์ทเครื่องยนต์นั้นเอง ถ้าค่านี้ลดลงไปอาจทำให้มีกำลังไฟไม่พอสำหรับการสตาร์ทเครื่องยนต์ได้(แต่การสตาร์ทเครื่องยนต์ไม่ติดก็อาจเกิดจากปัจจัยอื่นๆประกอบด้วยเช่นกัน) ซึ่งค่า CCA จะไม่เท่ากัน แตกต่างกันไปตามแต่ขนาดของแบตเตอรี่ และรุ่นที่มีกำลังไฟแอมป์ที่ต่างกัน นอกจากนั้นระหว่างแบตเตอรี่ชนิดเติมน้ำกลั่น(แบตน้ำ) กับแบตเตอรี่พร้อมใช้กึ่งแห้งกึ่งน้ำ(แบตแห้ง) ก็อาจมีค่า CCA ที่ต่างกันได้ เราจึงควรเลือกให้เหมาะกับการใช้งานของเรายกตัวอย่างเช่นแบตเตอรี่ที่มีกระแสแอมป์เท่ากันคือ 45 แอมป์ ระหว่างแบตแห้งกับแบตน้ำ ค่า CCA ของแบตแห้งจะสูงกว่าคือ 433 ในขณะที่แบตน้ำจะมีค่า CCA นี้คือ 325 และถ้าคุณใช้รถไม่บ่อย ต้องจอดทิ้งไว้นานๆ หรือไปต่างประเทศนานๆบ่อยๆ ก็ควรเลือกแบตเตอรี่ชนิดที่มี CCA สูงกว่า หรือควรเลือกใช้แบตเตอรี่กึ่งแห้งกึ่งน้ำนั้นเอง เพราะสามารถเก็บไฟได้นานกว่า และอยู่อึดทนนานกว่าฉะนั้นการเลือกซื้อแบตเตอรี่ควรคำนึงถึงค่า CCA กับราคา เปรียบเทียบกันเป็นหลัก แบตเตอรี่ราคาที่สูงควรมีค่า CCA ที่สูงด้วย การที่มีค่า CCA ตัวนี้ ช่วยให้เราไม่ถูกร้านค้าหลอกเพราะหากใช้เครื่องวัดค่า CCA มันหลอกเราไม่ได้กรณีที่แบตเตอรี่เสียก่อนอายุอันควร(ช๊อตช่อง) สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาส่วนใหญ่เกิดจากกำลังไฟจากไดชาร์จจ่ายไฟมากเกินไฟ(โอเวอร์ชาร์จ) หรืออุณหภูมิร้อนเกินไป แผ่นฐาตุอาจกรอบ,หักได้ เป็นเหตุให้บางคนใช้แบตฯได้ไม่ถึงปี บางคนใช้แบตฯได้ปีกว่า บางคน 2-3ปี ขึ้นอยู่กับการใช้งานรถ และความชำนาญในการวิเคราะห์ของช่างด้วยอย่างไรก็ตามความชำนาญในการเลือกแบตเตอรี่ ควรให้ร้านค้าที่ไว้ใจได้แนะนำเรื่องแบตเตอรี่ให้
บทความดีๆเกี่ยวกับแบตเตอรี่
ท่านสามารถคลิกที่หัวข้อที่ท่านอยากรู้ได้เลย
ความรู้เรื่องแบตเตอรี่
ไหนๆก็มีรถยนต์-รถกระบะแล้ว แบตเตอรี่ก็เป็นส่วนสำคัญในการใช้รถ ทางเราจึงรวบรวมข้อมูลความรู้เกี่ยวกับแบตเตอรี่รถยนต์มาเพื่อเป็นแนวทางในการดูแลรักษาแบตเตอรี่ต่อไป
ประเภทแบตเตอรี่รถยนต์
ในบทความนี้ท่านจะได้รู้ถึงประเภทของแบตเตอรี่รถยนต์ ตลอดจนข้อดีข้อเสีย ของแบตเตอรี่รถยนต์ชนิดต่างๆ เพื่อที่ท่านจะได้นำข้อมูลไปตัดสินใจเลือกซื้อแบตเตอรี่ได้ถูกต้อง
แบตเตอรี่รุ่นไหนใช้กับรถรุ่นไหน
รถแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อ มีการใช้แบตเตอรี่ไม่เหมือนกัน บ้างใช้แอมป์น้อย บ้างใช้แอมป์เยอะ บ้างคันใช้ขั้วL บางคันใช้ขั้วR เราจึงจัดทำข้อมูลนี้ขึ้นเพื่อให้ท่านได้รู้ว่าจริงๆแล้วรถของท่านควรใช้แบตแบบไหน
สัญญาณบ่งบอกว่าต้องเปลี่ยนแบต
เป็นอย่างที่รู้กันดีอยู่แล้วว่า "แบตเตอรี่" ถือเป็นชิ้นส่วนที่สำคัญอย่างยิ่งในการสตาร์ทรถ เพื่อใช้เดินทางไปไหนมาไหน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะมีอายุการใช้งาน 12 เดือนขึ้นไป ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานของรถแต่ละคัน แต่แทนที่จะรอจนแบตเตอรี่หมดสภาพจนต้องจั๊มแบตหรือรอจนสตาร์ทไม่ติดแล้วค่อยเปลี่ยน เรามีวิธีสังเกตุอาการที่บ่งบอกว่าต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ก่อนที่แบตจะหมด
ราคาแบตเตอรี่
เพื่อให้ท่านได้ทราบถึงราคาแบตเตอรี่หลายๆชนิด และหลายๆยี่ห้อ เพื่อเป็นแหล่งข้อมูลในการซื้อแบตเตอรี่รถยนต์
ค่า cca ในแบตเตอรี่สำคัญอย่างไร
ในบทความนี้ท่านจะได้รู้ว่า CCA คืออะไร มีความสำคัญอย่างไร ทำไมเราจึงต้องรู้จักคำๆนี้ในแบตเตอรี่ด้วย
แหล่งบทความอื่นๆเพื่อความรู้เกี่ยวกับเรื่องรถยนต์
ทางร้านพยายามรวบรวมข้อมูลอื่นๆเกี่ยวเกี่ยวกับเรื่องรถไว้ในบทความด้วย เพื่อที่จะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับทางลูกค้าของร้านหรือผู้มาเยี่ยมชมร้านแบตเตอรี่ของเราด้วย
ต้องการใช้แบตเตอรี่ โทร 084-2604245